
คนที่คิดในแง่บวก คือคนที่มองโลกในแง่ดี เมื่อปลูกต้นไม้ก็คิดว่า ต้นไม้จะงดงาม พยายามศึกษาวิธีการและดูแลเต็มที่ เวลาขึ้นเครื่องบินก็คิดว่า จะถึงที่หมายโดยปลอดภัย ถ้าจะคบคน ก็คิดว่าเขาเป็นคนดี น่าคบหา
ตรงกันข้ามกับคนที่คิดในแง่ลบ ที่มักจะมองโลกไม่ดี เวลาปลูกต้นไม้ก็คิดว่าปลูกยาก จะตายง่าย ทำให้ฝืนใจปลูก และรู้สึกเป็นหน้าที่ที่หนักหนาไม่อยากทำ ต้นไม้ก็มักจะตายจริงๆ ถ้าขึ้นเครื่องบินก็คิดถึงความน่ากลัว มีอันตราย ทำให้ไม่มีความสุข กังวลมากจะคบคนสักคนก็คิดว่าเขาจะมาเอาเปรียบ หรือเป็นคนไม่ดี ทำให้คบคนยาก
ความจริงแล้ว ทุกอย่างในโลกนี้เป็นอนิจจังคือ ไม่แน่นอนทั้งนั้น มีทั้งดี เลว หรือกลางๆ ถ้าคุณฝึกใจเชื่อว่าทุกอย่างไม่ดีเสียก่อน หรือมองโลกในแง่ไม่ดีเสียก่อน จะทำให้เกิดความระแวง หมดกำลังใจ และขาดความรักมนุษย์ ผลออกมาก็ไม่ดี
แต่ถ้าคุณมองโลกในแง่ดี คุณก็จะมีกำลังใจ ไม่กังวล ไม่ทุกข์ มีความรักมนุษย์ ผลออกมาจะดีกว่าแบบแรกแน่ ๆ และถึงแม้ผลออกมาจะไม่ดี ก็เข้าหลักอนิจจัง คือไม่แน่นอน ก็ยอมรับได้ และมองโลกในแง่ดีต่อไป บุคคลเช่นนี้จะสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆที่สร้างสรรค์ออกมาได้มากมาย
คนส่วนใหญ่มองโลกในแง่ลบมากกว่าแง่บวก เป็นเพราะ…
1. มีจิตใต้สำนึกที่ไม่สมบูรณ์นัก เพราะถูกว่าถูกตำหนิมามาก จึงมองตัวเองไม่ดี เกิดความระแวงได้ง่าย เกิดความไม่รักเพื่อนมนุษย์ เวลาเห็นรถชนกัน รู้สึกตกใจ จิตใต้สำนึกจะสั่งให้ร้องว่า “ตายแล้ว…กี่ศพนะ” มีน้อยคนตกใจแล้วร้องว่า “รอด” หรือ “ ขอให้รอด” ซึ่งเป็นพวกที่มีจิตใต้สำนึกดี มองโลกในแง่ดี
2. ถูกสอนกันมาแบบให้มองโลกในแง่ไม่ดี ให้ระวัง ระแวง เกินความจำเป็น
3. ขาดประสบการณ์หรือตัวอย่างที่ดีๆ ให้เห็นความอิจฉา ริษยา ใจน้อย ระแวง มาจากการมองโลกในแง่ลบทั้งนั้น ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่พบได้มาก จนแทบจะกลายเป็นลักษณะประจำชาติแล้ว
คนที่มองโลกในแง่ดี หรือมีความคิดในแง่บวกนั้น จะเป็นคนที่อารมณ์ดี มั่นคง มั่นใจตนเองอย่างสร้างสรรค์ และมีกำลังใจต่อสู้อุปสรรคเสมอ มักจะมีความสุขมากกว่าคนทั่ว ๆ ไปด้วย
บทความโดย ศ.ดร.น.พ.วิทยา นาควัชระ
คอลัมน์ #โลกและชีวิต @แนวหน้าออนไลน์
